1. มีเงินเดือนเท่านี้ซื้อบ้านได้ในราคาเท่าไร?
คำถามลำดับต้นๆ ของคนอยากมีบ้าน วิธีคำนวณก็คือ เราต้องพิจารณาจากภาระการผ่อนชำระเป็นตัวตั้ง และคิดย้อนกลับไปเป็นราคาบ้าน โดยปกติแล้วเราควรผ่อนชำระไม่เกิน 30%-50% ของรายรับหลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น หากเรามีรายรับหลังหักค่าใช้จ่าย 20,000 บาทต่อเดือน หมายความว่าเรามีกำลังผ่อนบ้านอยู่ราวๆ 6,000 – 10,000 บาทต่อเดือน
ราคาของบ้านที่เราจะผ่อนในช่วงนี้จะอยู่ราวๆ 1.5 – 2.5 ล้านบาท
2. ซื้อบ้านราคานี้จะต้องผ่อนต่อเดือนเท่าไร?
คำถามนี้เป็นการคิดย้อนกลับจากคำถามข้างต้น โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ซื้อบ้านที่เลือกจากทำเลที่ตั้งเป็นหลักจะไปดูบ้านก่อน ได้รับรู้ราคาบ้าน แล้วค่อยนำมาคำนวณความเป็นไปได้ที่จะเป็นเจ้าของ
ยกตัวอย่างเช่น ตัวอย่าง นายเอต้องการกู้ซื้อบ้านราคา 1 ล้านบาท เมื่อปรึกษากับธนาคารแล้วสามารถปล่อยกู้ได้ 80% ดังนั้นนายเอต้องมีเงินดาวน์บ้าน 2 แสนบาท เมื่อพิจารณาระยะเวลาการผ่อนชำระนาน 30 ปี จากวงเงินที่เหลือ 8 แสนบาท ค่างวดที่ต้องผ่อนชำระแต่ละเดือนเป็น 4,796 บาท โดยสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียด และปรึกษาการคำนวณค่างวดได้ที่โปรแกรมคำนวณทางการเงิน
3. จะซื้อบ้านต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง?
สิ่งที่ต้องเตรียมตัวสำหรับคนที่คิดจะซื้อบ้านก็คือ “ความพร้อมด้านการเงิน” จากสองคำถามข้างต้นเราสามารถคำนวณความพร้อมด้านการเงินออกมาได้ ทำให้เรารู้ว่าตัวเองมีความสามารถในการผ่อนชำระได้เท่าไร และเรามีภาระอย่างอื่นหรือไม่นั่นเอง
4. จะซื้อบ้านมีค่าใช้จ่ายเบื้องต้นอะไรบ้าง?
สำหรับค่าใช้จ่ายเบื้องต้นในการซื้อบ้าน ได้แก่ เงินดาวน์ประมาณ 10—20% ของราคาบ้าน ค่าโอน ค่าจดจำนอง ค่าประกันอัคคีภัย ค่าขอมิเตอร์น้ำประปา มิเตอร์ไฟฟ้า ค่าส่วนกลางในกรณีที่เราซื้อบ้านจัดสรร อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายต่างๆ บางส่วนผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายอาจจะช่วยเหลือค่าใช้จ่ายให้เราขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละที่นั่นเอง
5. ซื้อบ้านทำเลไหนดี?
สำหรับทำเลของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน หลักคิดง่ายๆ ก็คือ ทำเลที่ดีต้องเดินทางสะดวก และอยู่สบาย ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ใกล้โรงพยาบาล บางครั้งเราซื้อบ้านไกลที่ทำงานทำให้เราต้องเสียเวลาเดินทางไกลๆ แถมยังเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางอีกด้วยคิดๆ แล้วอาจไม่คุ้มค่าเลย
6. จะซื้อบ้านมีขั้นตอนอะไรบ้าง?
สำหรับขั้นตอนในการซื้อบ้านซักหลัง เริ่มจาก
1.การไปดูบ้านที่ถูกใจ เลือกทำเลที่เหมาะสมกับตัวเรา
2.ทำการจองบ้าน (ต้องมีเงินจองส่วนหนึ่ง)
3.ผ่อนดาวน์ ในกรณีที่บ้านที่เราจองยังสร้างไม่เสร็จ
4.ในระหว่างนี้ก็ขอยื่นกู้กับทางธนาคาร
5.เมื่อกู้ผ่านก็จะทำสัญญาซื้อ-ขาย กับทางเจ้าของโครงการ
6.ธนาคารอนุมัติวงเงินกู้
7.ตรวจรับบ้าน ถ้าผ่านก็ทำการโอนบ้าน
8.โอนบ้านด้วยการจดจำนองให้กับทางธนาคารที่กรมที่ดิน
9.ผ่อนชำระค่างวดจนหมด ก็จะเป็นเจ้าของบ้านสมใจแล้ว
7. ปกติผ่อนบ้านกันกี่ปี?
ปกติแล้วการผ่อนบ้านจะมีระยะเวลาการผ่อนไม่เกิน 30 ปี แต่บางแห่งมีการให้ระยะเวลามากขึ้นก็มี ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่สินเชื่อจะพิจารณา หาข้อมูลเกี่ยวกับสินเชื่อเคหะ
8. ผ่อนบ้านอย่างไรให้หมดเร็ว?
สำหรับเทคนิคการผ่อนบ้านให้หมดเร็วๆ นั้นวิธีที่ง่ายที่สุดก็คือการนำเงินสดไปโปะ เพราะหนี้สินบ้านเวลาที่เราผ่อนจะมีลักษณะที่เรียกว่า ลดต้น-ลดดอก หมายความว่าเงินที่เราผ่อนชำระนั้นจะไปตัดทั้งเงินต้น และจ่ายดอกเบี้ยไปด้วย แต่ในระยะแรกๆ ของการผ่อนชำระนั้นการตัดเงินต้นมีเพียงเล็กน้อย จะไปหนักที่ดอกเบี้ย หากเรารีบนำเงินสดไปโปะลดต้น ดอกเบี้ยก็จะลดตามไปด้วยนั่นเอง ขยันโปะบ่อยๆ บ้านก็หมดเร็วเป็นเจ้าของได้เร็วขึ้น แถมยังประหยัดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยอีกด้วย
9. ถ้าจะขายบ้านต้องทำอย่างไร?
บางครั้งเราก็ต้องย้ายบ้าน อาจเป็นเพราะย้ายที่ทำงานใหม่ หรือต้องการเปลี่ยนบ้านให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นเหมาะสมกับสมาชิกครอบครัวที่มีมากขึ้น บ้านหลังเก่าจึงต้องขายเพื่อนำเงินไปดาวน์บ้านหลังใหม่ ในกรณีที่เราผ่อนหมดแล้วคงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าหากเรายังผ่อนไม่หมด ต้องการขายบ้าน ก็สามารถทำได้ โดยตกลงกับผู้ซื้อให้ผู้ซื้อนำเงินไปปิดสินเชื่อส่วนที่เหลือให้หมด แล้วจึงโอนให้กับเจ้าของรายใหม่
10. ทำอย่างไรให้บ้านที่เราอยู่อบอุ่น และมีความสุข?
คำถามข้อนี้ตอบไม่ยาก ถ้าจะให้บ้านที่เราอยู่อาศัยอบอุ่น และมีความสุข สมาชิกในบ้านต้องเข้าใจ ดูแลซึ่งกันและกัน บ้านจะเล็ก หรือจะใหญ่ไม่สำคัญเลย ถ้าคนในบ้านมีความรักดูแลเอาใจใส่กัน บ้านก็จะอบอุ่นและมีความสุขได้ไม่ยาก ง่ายๆ แค่นี้เอง